โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ (วันอังคารที่ 1 กพ.) ไม่ทราบว่าเป็ดไก่ถูกเชือดไปแล้วอีกกี่ล้านตัวทั่วโลกในโอกาสวันตรุษจีนปีเถาะ ตามธรรมเนียมปฎิบัติและปฎิทินจีนเมื่อวานเป็นวันจ่าย วันนี้ก็เป็นวันไหว้ พรุ่งนี้เป็นวันปีใหม่จีน อันที่จริงในโอกาสเทศกาลแบบนี้ ผมก็ควรจะชวนท่านผู้อ่านที่รัก พูดคุยประเด็นความเป็นมาของเทศกาลให้เข้าบรรยากาศ แต่ท่านผู้อ่านหลายท่านก็คงจำได้ว่าเมื่อปีก่อนผมก็ใช้มุขนี้ไปแล้ว กลัวคนจะจำได้ว่าหากินกับของเก่า ในสัปดาห์นี้ ก็เลยจะขออนุญาตชวนคุยเรื่องคาบเกี่ยวกับตรุษจีนแบบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาก็แล้วกัน เป็นข่าวสารช่วงเคานท์ดาวน์ปีใหม่ในประเทศจีน
ช่วงไตรมาตรสุดท้ายของปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน อย่างที่ผมเคยนำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบไปแล้วก่อนหน้า เป็นช่วงระยะเวลาที่ตลาดภายในประเทศของจีนกำลังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพเพิ่มสูงสินค้าราคาแพง หรืออย่างที่ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่าการปรับตัวเพิ่มของค่าดัชนีสินค้าบริโภค ฉะนั้นในปีใหม่นี้ ทางการและคนจีนทั่วไปต่างก็กำลังจับตาและวิพากษ์วิจารณ์กันเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายตรุษจีนของปีนี้ ว่าดูท่าจะเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ แม้ตัวเลขการพยากรณ์มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลนี้ ตามที่มีสำนักวิจัยสำรวจของจีนเขาพยากรณ์ไว้จะยังเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่สำหรับประชาชนคนจีนทั่วไป ดูเหมือนจะซื้อของได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายไม่คึกคักอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เรื่องค่าใช้จ่ายซื้อข้าวซื้อของ แม้จะแพงขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ยังมีช่องทางแก้ไขปัญหา กล่าวคือหากรายการไหนแพงนักก็ซื้อน้อยลงหน่อย หันไปหาซื้ออย่างอื่นแทน รายงานจากผลการสำรวจที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆแจ้งว่า สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษไม่ได้ค้าขายคล่องเหมือนอย่างในช่วงเทศกาลเดียวกันของปีที่แล้ว ได้แก่ของขวัญของฝากประเภทเหล้า ยาสูบ อาหารบำรุงฯลฯ ซึ่งอาจมีความจำเป็นน้อยเมื่อเทียบกับสินค้าที่จำเป็นต้องซื้อต้องใช้ในเทศกาลตรุษจีน
รายการค่าใช้จ่ายอีกรายการหนึ่งที่ปีนี้มีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้น และดูเหมือนผู้บริโภคต้องจำยอมไม่มีโอกาสจะหลีกเลี่ยงได้เลย คือรายการค่าใช้จ่ายเดินทางกลับบ้าน เมื่อปีที่แล้วผมเคยเล่าไปครั้งหนึ่งว่า การได้กลับบ้านไปร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนเป็นเรื่องใหญ่และถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชาวจีนในทุกชนชั้นอาชีพ ไม่ว่าจะยากดีมีจน หากไม่จนตรอกจริงๆ ต่างก็ต้องดิ้นรนหาทางกลับไปปีใหม่ที่บ้านให้ได้ คนส่วนใหญ่หากจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ก็มักเลือกที่จะยอมทำงานพิเศษในช่วงหยุดวันแรงงานหรือหยุดวันชาติเดือนตุลาคม เพื่อให้สามารถกลับบ้านในตอนตรุษจีน มาปีนี้เท่าที่ปรากฎเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์จีนทั่วไป มีผู้คนร้องกันว่าค่าเดินทางกลับบ้านดูจะเพิ่มขึ้นมากจนทำให้ผู้คนเดือดร้อนจำนวนไม่น้อย จากที่เดิมคนทำมาหากินชั้นล่างที่เป็นแรงงานอพยพมาทำงานในเมืองใหญ่ ต่างก็รู้สึกว่าเทศกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่สร้างแรงกดดันและความหนักใจ แม้จะพยายามอดออม แต่ก็ยังไม่สามารถหาซื้อข้าวของกลับไปฉลองได้ตามความคาดหวังของผู้คนที่รอคอยอยู่ในชนบท มาบัดนี้ต้องเจอกับค่าเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นอีก เลยทำให้ปีเถาะนี้ดูน่าเบิกบานน้อยลงไปทันที่ จากผลการสำรวจ ผู้คนทั่วไปต้องใช้จ่ายในรายการนี้เพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ14-20เมื่อเทียบกับตัวเลขค่าใช้จ่ายเดินทางกลับบ้านของปีที่แล้ว แต่ก็มีผู้เดินทางอีกกลุ่มใหญ่ที่ยอมรับว่าใช้จ่ายค่าเดินทางเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นเพราะเปลี่ยนจากนั่งรถบัสระหว่างเมืองมาเป็นรถไฟความเร็วสูงที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ เพราะเพิ่มเริ่มใช้ในหลายเส้นทางหลักๆ มาได้เพียงแค่ครึ่งปี แน่นอนว่าเร็วและสะดวกสบายกว่า แต่ก็ต้องจ่ายแพงกว่า
ดัชนีอีกชุดหนึ่งที่ชาวจีนนิยมติดตามสำรวจในช่วงนี้ เพื่อดูว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีร้ายอย่างไร นอกเหนือจากดูปริมาณการใช้จ่ายในเทศกาล ที่เป็นของกินของใช้ประกอบพิธีกรรมความเชื่อในช่วงตรุษจีนแล้ว ยังมีความพยายามเก็บตัวเลขเพื่อหาค่าเฉลี่ยรายการต่างๆที่จ่ายกันในช่วงเทศกาล ผมขอยกตัวอย่างผลสำรวจจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตรายหนึ่ง (ซึ่งก็อย่าไปเชื่อถืกเป็นจริงเป็นจังมากไปนะครับ เพราะเป็นการเก็บข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต) ปรากฎว่าได้ตัวเลขค่าเฉลี่ยออกมาชุดหนึ่ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้ครับ
ค่าใช้จ่ายในการซื้อของฝากคนในครอบครัว ญาติ และเพื่อนบ้าน 2,700 หยวน
ของฝากเทศกาลยอดนิยม: เหล้า บุหรี่ ผ้าพันคอ ขนม
เงินอั้งเปาสำหรับเด็กที่เป็นญาติใกล้ชิด 300-500 หยวน
เงินอั้งเปาสำหรับพ่อ-แม่รวมกันเฉลี่ย 5,000 หยวน
ค่าใช้จ่ายในการจัดเลี้ยง ญาติและแขกที่มาเยี่ยมในช่วง3วันแรกปีใหม่ 3,000 หยวน
ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเทียวของครอบครัวในช่วงเทศกาลหยุดยาว 14,000
สัดส่วนค่าใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีน/เงินเดือนเท่ากับ 2:1
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ ก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นการพิเศษหรอกครับ ไม่จำเป็นต้องไปคำนวนเปรียบเทียบใดๆทั้งสิ้น ตัวเลขก็เป็นแค่ตัวเลข ต้องไม่ลืมว่ายังมีคนจีนอีกมากมายที่ไม่ได้เข้าไปใช้อินเตอร์เน็ต และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเลขชุดข้างต้นเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น