โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เมื่อปีกลายผมจำได้ว่าเคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรของประเทศจีนไปแล้วครั้งหนึ่ง และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้เคยชวนท่านผู้อ่านที่รักคุยเรื่องปัญหาทั้งผู้สูงอายุ ปัญหาสัดส่วนที่ไม่สมดุลย์ระหว่างประชากรหญิง-ชาย และอื่นๆ ที่เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับโครงสร้างประชากรของประเทศจีน รวมทั้งข่าวการจัดทำการสำรวจสำมะโนประชากรจีนเมื่อช่วงรอยต่อปี 2010-2011 มาบัดนี้ ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ได้เริ่มทะยอยเปิดเผยผลการวิเคราะห์สถิติตัวเลขที่ได้จากการทำการสำรวจสำมะโนประชากรทั้งประเทศครั้งที่ 6 ผมก็เลยคิดว่าน่าจะนำมาอัปเดทข้อมูลให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันไว้
ผลจากการสำรวจล่าสุด ปัจจุบันจีนมีประชากร1.37พันล้านคน หากดูอัตราการเพิ่มของประชากรในรอบ10ปี จากปี2000-2010 เพิ่มขึ้นร้อยละ5.84 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ0.57ต่อปี เรียกว่าประสบความสำเร็จในการคุมกำเนิดอย่างมาก ประชากรในเขตเมืองเติบโตเพิ่มขึ้นจากสิบปีที่แล้วในอัตราร้อยละ13.6 ทำให้ในปัจจุบันสัดส่วนชาวจีนที่อาศัยในเขตเมืองมีมากถึงร้อยละ49.7ของประชากรทั้งหมด เป็นอัตราการขยามตัวของเขตเมืองที่ถือว่าโตเร็วมาก โดยเฉพาะในบริเวณชายฝั่งตะวันออก ที่ยังเติบโตไม่หยุด จากการอพยพย้ายถิ่นชองผู้คนจากส่วนอื่นๆของประเทศ เฉพาะสถิติของปี 2010 มีแรงงานอพยพที่อาศัยและทำงานอยู่นอกบ้านเกิดต่อเนื่องเกินกว่า 6 เดือน มากถึง 261 ล้านคน เพิ่มเป็นเท่าตัวหากเทียบกับข้อมูลในปี 2000
ในด้านคุณภาพชีวิตและประเด็นทางสังคม สัดส่วนผู้สูงอายุทั่วประเทศตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 13.26 เพิ่มมากกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วร้อยละ 2.93 ในขณะเดียวกัน การเลื่อนชั้นทางสังคม การศึกษาพัฒนาเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น จำนวนผู้ผ่านการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เพิ่มจากร้อยละ 3.6 ในปี 2000 เป็นร้อยละ 8.9 ในปี 2010 ซึ่งถือว่าสูงมาก จำนวนประชากรที่ไม่ได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนลดลงเหลือร้อยละ 4.06
ข้อมูลตัวเลขประชากรจากการสำรวจใหญ่ปี 2010 นี้ หากมองผ่านๆ ก็ได้เพียงแค่รับรู้ไว้อัปเดทข้อมูล แต่หากจะวิเคราะห์ให้เห็นผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ก็มีประเด็นน่าสนใจที่ควรต้องเจาะลึกเพิ่มเติม จากเดิมก่อนหน้านี้ใครๆก็เป็นห่วงกลัวกันว่าประชากรจีนจะท่วมโลก รัฐบาลจีนในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 ก็เลยต้องรณรงค์เอาจริงเอาจังกับการคุมกำเนิดประชากร มาบัดนี้ หากดูจากตัวเลขล่าสุด จำนวนบุตรเฉลี่ยต่อคู่สมรสลดลงเหลือเพียง 1.5 หมายความว่าในระยะยาวจำนวนประชากรวัยแรงงานจะหดหายลง แม้ในทุกวันนี้จีนจะยังมีประชากรที่อยู่ในวัยแรงงานมากมายเหลือใช้ แต่หากมองระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ นักวิชาการจีนเชื่อกันว่า ประเทศจีนน่าจะเริ่มพบกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป กลุ่มประชากรวัยแรงงาน(อายุ 15 - 64 ปี)ของจีนจะเป็นกลุ่มประชากรใหญ่ที่สุดในปี 2013 แต่หลังจากนั้นจำนวนประชากรที่เข้าสู่วัยแรงงานจะลดน้อยลง และไม่สามารถทดแทนจำนวนประชากรที่ออกจากวัยแรงงานไปอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุได้ทัน กล่าวง่ายๆก็คือ ผลจากการคุมกำเนิดประชากรอย่างเข้มงวดตั้งแต่เมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว จะเริ่มส่งผลต่อสัดส่วนประชากรวัยแรงงานตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นไป และจะกลายเป็นวิกฤตการณ์ขาดแคลนแรงงานอย่างมากในราวปี 2020-2030 ซึ่งจีนอาจเจอภาวะขาดแคลนแรงงานมากถึงร้อยละ 20 ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของประชากรและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบัน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ประชากรแรงงานลดลง ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากปัญหาในระยะยาวเกี่ยวกับสัดส่วนประชากรวัยแรงงานแล้ว สถิติที่ได้จากการสำรวจในเที่ยวนี้ ยังชี้ว่ามีประเด็นทางประชากรที่กำลังจะขยายกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือผลทางสังคมอันเนื่องมาจากการอพยพโยกย้ายถิ่นของแรงงาน จำนวนคนในวัยแรงงานกว่า261ล้านคนที่เร่ร่อนทำงานอยู่นอกเขตบ้านเกิดของตนเอง ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีความสำคัญมาก ทั้งในมุมมองทางเศรษฐกิจและมุมมองทางสังคม ในทางเศรษฐกิจ ตัวเลขนี้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ความพยายามในการพัฒนาภูมิภาคตะวันตกของจีน หรือแผนการกระจายการพัฒนาไปสู่ส่วนต่างๆของประเทศอย่างเท่าเทียม ที่จีนพยายามทำมาตลอดระยะเวลากว่า20ปี ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ตำแหน่งงานและโอกาสทางเศรษฐกิจดีๆทั้งหลาย ยังคงกระจุกตัวอยู่ในซีกตะวันออกของประเทศ จากปี2000ในช่วงยุคร้อนแรงของการลงทุน จีนมีแรงงานอพยพประมาณ151ล้านคน เพียงแค่สิบปีเพิ่มอีกกว่าร้อยละ80มาเป็น261ล้านคน นอกจากไม่ลดลงเพราะการกระจายความเจริญแล้ว ยังเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ในด้านสังคม แรงงานอพยพเหล่านี้ กว่าร้อยละ40เป็นแรงงานในกลุ่มอายุวัยหนุ่มวัยสาว เกือบทุกประเทศในอดีต ที่มีประวัติศาสตร์การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตก้าวข้ามภาคการเกษตร ต่างก็เคยเจอกับปัญหานี้มาแล้ว แต่ยังไม่เคยมีประเทศใดในโลก ที่จะมีประชากรแรงงานอพยพในสัดส่วนมากมายอย่างที่เป็นอยู่ในประเทศจีนทุกวันนี้ ปัญหาที่ตามมาก็คือภาคเกษตรในบ้านเกิดของแรงงานอพยพเหล่านี้ถูกทอดทิ้ง ชุมชนขาดคนหนุ่มคนสาวรับช่วงทั้งทางการผลิตและกิจกรรมทางสังคม หลายแห่งล่มสลายลงในที่สุด เพราะหนุ่มสาวจำนวนมากตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวใหม่ในเมืองที่ตนอพยพไปทำมาหากิน
เรื่องสำคัญที่น่าสนใจประการที่สาม คือข้อมูลการกระจุกตัวอย่างหนาแน่นของประชากรในณฑลด้านตะวันออกของประเทศ ผลจากการสำรวจสถิติประชากรล่าสุดนี้ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า จีนยังคงต้องทุ่มเทลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างกระจุกตัวตามจำนวนประชากรในภาคตะวันออกต่อไปอีกนาน ในระยะยาว อำนาจรวมศูนย์การวางแผนและกำหนดทิศทางการพัฒนาดูเหมือนจะอ่อนลง กลายเป็นว่าจีนอาจต้องตามวางแผนตามหลังการเคลือนย้ายของประชากร เดี๋ยวเลยจะต้องมีอันเละเทะแบบบางประเทศแถวนี้
เมืองไทยเราก็เห็น “คุณมาดี” เดินเคาะประตูบ้านเก็บข้อมูลในการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งใหญ่ไปแล้ว ยังไงถ้ามีการประมวลผลวิเคราะห์เผยแพร่ ผมว่าคนไทยเราควรต้องช่วยกันอ่านทำความเข้าใจ ให้รู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้น คงไม่ได้มีแต่ปัญหาผู้สูงอายุอย่างเดียว หลายเรื่องเช่นจำนวนประชากรนักเรียนที่ลดลงเรื่อยๆ วัยแรงงานที่อาจจะน้อยลง และแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่น้อยไปกว่าเรื่องของประเทศจีนที่ผมชวนคุยในวันนี้เลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น