โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน ได้ฤกษ์เปิดตัวสถานีทีวีผ่านดาวเทียมภาคภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ CNC World หลังจากที่ได้ทำการทดลองออกอากาศมาเป็นระยะตั้งแต่ต้นปี ทีวีดาวเทียมช่องนี้จัดได้ว่าเป็นน้องใหม่หากจะนับเอาสถานี CCTV9 ที่นำเสนอข่าวสารภาคภาษาอังกฤษสู่ทั่วโลกมาก่อนหน้าแล้วหลายปี แต่จุดเด่นของสถานีช่องใหม่นี้ หากฟังจากนายหลี่ ฉงจุน ประธานสำนักข่าวซินหัว อยู่ที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 130 กว่าประเทศ อีกทั้งยังให้บริการข่าวสารทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมืองจากทั่วทุกมุมโลกด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ไม่เพียงแต่การแพร่สัญญาณดาวเทียมเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมบริการข่าวบนอุปกรณ์เครื่องรับเคเบิ้ล โทรศัพท์มือถือ และ อินเตอร์เน็ต ในระยะเวลาสามปีต่อจากนี้ ทางซินหัวยังวางโครงการพัฒนาการแพร่ภาพและบริการอื่นๆ ให้สามารถครอบคลุมพื้นที่และช่องทางการสื่อสารที่กว้างไกลและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ข่าวการเปิดตัวของ CNC World แม้ได้รับการต้อนรับอย่างดีและร่วมแสดงความยินดีจากผู้คนในวงการสื่อผ่านดาวเทียม อย่าง News Corp, AP, Itar-Tass, Kyodo News Agency, BBC, CBS, CNN, NHK หรือแม้แต่ Al-Jazeera แต่ในอีกด้านหนึ่ง จีนก็ได้ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักวิเคราะห์ทั่วโลกในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่นักวิเคราะห์และคอลัมนิสต์บางรายในประเทศไทย หลักๆที่กลายเป็นประเด็น ก็คือความห่วงใยที่ว่าจีนชักจะรุกหนักมากขึ้นในเวทีสื่อโลก นักวิเคราะห์บางท่านก็ระบุลงไปเลยว่าเป็นการแผ่ขยายอิทธิพล Soft Power ในการเมืองระหว่างประเทศ
ผมเลยขออนุญาตร่วมแจมกับเขาด้วย ว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าว เรื่องประเทศจีนกับประเด็น Soft Power นั้น มีการกล่าวถึงมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้เงินช่วยเหลือการพัฒนาประเทศยากจนในแอฟริกา การส่งเสริมการเรียนภาษาจีนในประเทศต่างๆทั่วโลก หรือการส่งเสริมเผยแพร่วัฒนธรรมจีนผ่านการจัดตั้งสถาบันขงจื๊อในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วแต่เคยถูกมองด้วยสายตาของชาติตะวันตกแบบไม่ค่อยจะไว้ใจ ว่าเป็นการขยายอิทธิพลแบบ Soft Power
แนวความคิดเรื่องอิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศที่เรียกว่า Soft Power นั้น เริ่มมีการใช้และพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ผมเลยขออนุญาตเล่าความเป็นมาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบว่าที่เรียกกันว่าSoft Powerนั้นหมายถึงอะไร นักวิชาการเจ้าของแนวคิดเรื่องนี้ ผมเข้าใจว่าแรกสุดน่าจะเป็น Joseph S. Nye เจ้าของงานเขียน The Means to Success in World Politics ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2004 จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ในทางการเมืองระหว่างประเทศ ก็เคยมีนักวิชาการวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ว่ามีวิเทโศบายใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง(sticks and carrots) แต่ Joseph ได้ขยายความและสร้างกรอบการวิเคราะห์เพิ่มเติม โดยอธิบาย Soft Power ว่าหมายถึงอำนาจประเภทที่ทำให้ชาติอื่นปฏิบัติตามความต้องการได้โดยไม่ต้องใช้กำลังคุกคาม ทรัพยากรสำคัญหรือที่มาของอำนาจละมุน(อย่างที่เริ่มมีนักรัฐศาสตร์ไทยบางท่านใช้กัน)มีที่มาสามทางด้วยกันคือ
1 การใช้วัฒนธรรมที่สอดคล้องกับผลประโยชน์และค่านิยมของประเทศอื่นๆ อีกทั้งการสร้างช่องทางที่ทำให้วัฒนธรรมของประเทศหนึ่งเป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะผ่านสินค้าทางวัฒนธรรม การเยี่ยมเยือน การติดต่อสื่อสาร หรือการท่องเที่ยว
2 ค่านิยมทางการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมือง หากมีรูปแบบที่เป็นมิตรและสอดคล้องกับค่านิยมทางการเมืองของประเทศอื่นๆ โอกาสที่จะมีอำนาจละมุนเหนือประเทศนั้นๆ ก็จะทำได้ง่ายขึ้น เช่นธรรมเนียมการไม่แทรกแซงกิจการภายในระหว่างกัน การยอมรับนับถือในประวัติศาสตร์ของเพื่อนบ้านเป็นต้น
3 นโยบายต่างประเทศ ที่มีความเท่าเทียม เคารพในการแสดงออกของประเทศที่เล็กกว่า ไม่ใช้อำนาจการทหารข่มขู่ อย่างนี้ก็จะช่วยให้ได้รับความเกรงอกเกรงใจมากเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี การที่ Soft Power จะใช้ได้ผลสูงสุดนั้น ต้องทำควบคู่ไปกับวิเทโศบาย การทูตแบบมวลชน หรือการทูตสาธารณะ (public diplomacy) อันหมายถึงการสื่อสารภาพลักษณ์ของชาติหนึ่งๆสู่ประชาชนคนธรรมดาของชาติอื่นๆ ไม่ใช้เพียงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เรื่องแบบนี้ทำได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศผ่านสื่อไร้พรมแดนอย่าง ทีวีดาวเทียมหรืออินเตอร์เน็ท นโยบายต่างประเทศที่เน้นการรณรงค์และให้ความช่วยเหลือในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติเช่นสิ่งแวดล้อม พลังงาน การศึกษา ผู้ด้อยโอกาสฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินนโยบายการทูตสาธารณะได้ด้วยการสร้างเครือข่ายบุคลากรจากชาติต่างๆ เช่นการให้ทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนภาคสังคมด้านต่างๆให้ได้ไปมาหาสู่กัน จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างประชาชนกับประชาชน ไม่ใช้รู้จักชอบพอกันเพียงระหว่างหัวหน้ารัฐบาลสองฝ่าย
สิ่งที่รัฐบาลจีนได้ทำมาในช่วงยี่สามสิบปีหลังนี้ คงเข้าข่ายอย่างที่นักวิชาการได้วิเคราะห์กันไว้ ไม่เพียงแต่เฉพาะการเพิ่มทีวีดาวเทียมภาคภาษาอังกฤษช่อง CNC World เท่านั้น ในปัจจุบัน คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า จีนเป็นผู้ให้ทุนและเงินช่วยเหลือรายใหญ่แก่ประเทศยากจนทั้งหลายในแอฟริกา จีนส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและกระจายไปทั่วโลก มีนักเรียนต่างชาติศึกษาภาษาจีนอยู่ในประเทศต่างๆ หรือไปเรียนต่อในประเทศจีนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ทั้งหมดนี้เราต้องไม่ลืมว่าล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย เคยทำมาแล้วและยังทำอยู่ เพียงแต่ว่าในระยะหลังอำนาจเงินในประเทศที่ว่ามานี้เริ่มจะลดน้อยลง เลยเปิดช่องทางให้จีนได้เข้าไปแสดงบทบาทเพิ่มมากขึ้น ผมเองไม่เห็นปัญหาว่าจะต้องเดือดร้อนเอะอะวิพากษ์วิจารณ์อะไรกัน ถ้าชาติมหาอำนาจทั้งหลาย จะแข่งอิทธิพลบารมีกันด้วยการทำความดี ให้ความช่วยเหลือประเทศที่ยากจนกว่า เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนถึงกันอย่างเท่าเทียม หรือเปิดช่องทางให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้พบปะแลกเปลี่ยนกันโดยเสรียิ่งขึ้น ยังไงผมก็ว่าดีกว่าแข่งกันสร้างและสะสมอาวุธไว้ข่มขู่กัน เหมือนอย่างในยุคสงครามเย็น
I grow a lot of science blogs that I visit like this blog. I get the information very useful. I say thank you, because I live in a small village near the mountain. digital marketing indonesia
ตอบลบvery useful information ....
ตอบลบtraining consultant jakarta
This is the right blog for anyone who wants to find out about this topic. i have blog too about catering surabaya
ตอบลบI am one of the workers in the digital marketing jakarta company. I was very pleased to find this web-site. I wanted to thanks for your time for this wonderful read.
ตอบลบI currently work at the company indonesia digital marketing I'd like to read this article and I agree with your opinion.
ตอบลบ