โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผมเคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนของประเทศจีนในกลุ่มประเทศอาเซียนไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหากจำไม่ผิดได้เล่าให้ท่านผู้อ่านที่รักทราบว่าจีนกำลังขยายทุนเข้ามาค่อนข้างมาก ทั้งในรูปแบบที่เป็นการลงทุนทำธุรกิจโดยตรง และในรูปแบบการรับสัมปทานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในประเทศลาว พม่า และกัมพูชา ในเวลาเดียวกันจีนก็ให้ความสำคัญกับตลาดเกิดใหม่ในประเทศที่ยังไม่ได้ขยายตัวมากนัก อย่างเช่นในประเทศแถบอาฟริกา และเอเชียกลาง แต่เรื่องราวที่จีนเริ่มนำเงินทุนสะสมที่มีอยู่จำนวนมากมายมหาศาล เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นและกว้านซื้อกิจการของบริษัทใหญ่ๆ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องใหม่ที่ผมอยากนำมาเสนอให้กับท่านผู้อ่านในบทความนี้
ตัวเลขจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน และจากกระทรวงการค้าของจีนแจ้งไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า เฉพาะในช่วง9เดือนแรกของปีนี้ จีนได้ลงทุนในกิจการต่างๆนอกประเทศไปแล้วกว่า36,300ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ10.4เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ตัวเลขการลงทุนข้ามชาติของโลกโดยรวม กลับลดลงกว่าร้อยละ40ในปี2009 อันสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในฝั่งตะวันตกยังไม่ดีขึ้น แต่ตัวเลขการลงทุนต่างประเทศของจีนเมื่อปีที่แล้ว ขยับเพิ่มขึ้นร้อยละ14.2 คิดเป็นเงิน47,800ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปีที่ผ่านมามีบริษัทของจีนกว่า12,000ราย ที่ไปลงทุนและเปิดบรษัทใหม่หรือตั้งสาขาในต่างประเทศกว่า13,000บริษัทใน170ประเทศ ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นความเติบโตที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง หากเทียบกับเมื่อแรกเริ่มที่จีนสนใจเอาเงินทุนออกไปหากำไรในต่างประเทศเมื่อปี2003 ซึ่งในครั้งนั้นมีมูลค่าเพียง2,800ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่ง ต่างก็ประเมินออกมาในทิศทางเดียวกัน ว่าจีนขยายการลงทุนนอกประเทศเพิ่มขึ้นอย่างจงใจและเป็นระบบ เพื่อตักตวงประโยชน์ในช่วงที่กิจการในประเทศตะวันตกมีปัญหา เรียกว่าอาศัยจังหวะเหมาะไปช้อนซื้อของถูกจากฝรั่ง ว่างั้นเถอะ ถึงกับมีข่าวลือกันในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศว่า รัฐบาลจีนรู้เห็นเป็นใจและแอบอัดฉีดเงินเพิ่มพิเศษให้กับรัฐวิสาหกิจรายใหญ่สามแห่งของจีน ออกไปช๊อปปิงกว้านซื้อของดีราคาถูกในอเมริกาและยุโรป จนรัฐบาลจีนโดยกระทรวงการค้าต้องออกมาปฏิเสธข่าวว่าไม่เกี่ยว เป็นเรื่องที่กลุ่มธุรกิจจีนแต่ละแห่งตัดสินใจกันเอง ตามกลไกการแข่งขันและตลาดทุนระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์ทั้งค่ายฝรั่งและค่ายจีน ตอนนี้กำลังประเมินกันว่า หากเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกยังไม่สามารถกลับฟื้นคืนมาคึกคักได้ในเวลาอันสั้น และจีนยังคงใช้นโยบายลุยซื้อของถูกต่อไปเช่นนี้ สัดส่วนเงินนอกที่เข้ามาลงทุนในจีน:เงินจีนที่ออกไปลงทุนภายนอก จากเดิมเป็น2:1 อาจกลายมาเป็น 1:1 นั้นหมายถึงอาจทำให้จีนกลายเป็นโบรกเกอร์ดึงเม็ดเงินจากทั่วโลกมาลงทุนต่ออีกทีหนึ่ง อย่างที่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจตะวันตกเคยผูกขาดทำกันมาก่อนหน้านี้ ในอีกด้านหนึ่ง หากสถานการณ์การลงทุนข้ามชาติยังดำเนินไปแบบนี้ จีนจะเข้ายึดครองกิจการสำคัญๆของตะวันตก หรือครอบงำมีอิทธิพลเหนืออุตสาหกรรมและธุรกิจทั่วโลกในอนาคต
ที่บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายคาดการณ์กับไปอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น จะว่าเป็นความตื่นตูมตกใจเกินเหตุก็พูดได้ แต่จะบอกว่าเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์อย่างไม่มีเหตุผล ก็ยังไงๆอยู่ เพราะหากดูตัวเลขการลงทุนต่างประเทศของจีนอย่างละเอียดแยกย่อยแล้ว หลายเรื่องก็มีเค้ามูลน่าเป็นห่วงอยู่ ตัวอย่างเช่น กรณีการลงทุนเข้าซื้อหุ้นและกิจการในสหรัฐอเมริกาของนักลงทุนฝ่ายจีน ก่อนหน้านี้ในปี2009 มีมูลค่าไม่ถึง200ล้านเหรียญสหรัฐ แต่พอมาปีนี้ ยังไม่ทันจะครบปีดี แค่6เดือนจีนลงทุนเข้าซื้อกิจการในสหรัฐอเมริกาไปแล้วกว่า605ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง3.6เท่าตัว หรือในกลุ่มประชาคมยุโรป ปีนี้แค่9เดือนจีนลงทุนไปแล้ว 406ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี2009 เพิ่มขึ้นร้อยละ107 ในรัสเซียจีนลงทุนไป264ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ59 ในกลุ่มประเทศอาเซียน จีนลงทุนไปในปีนี้มากถึง1,200ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีร้อยละ126 แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของตัวเลขความร้อนแรงที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันเฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะมูลค่าเงินลงทุนสะสมของจีนในต่างประเทศ ตอนนี้รวมแล้วมีแค่ 246,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 1.3 ของเงินลงทุนข้ามชาติที่หมุ่นเวียนอยู่ทั่วโลก ยังอีกนานกว่าที่จีนจะกลายมาเป็นนักลงทุนข้ามชาติขาใหญ่ติดอับดับของโลก
ธุรกิจยอดนิยมที่นักลงทุนชาวจีนพากันขนเงินออกไปแสวงหากำไรและลู่ทางใหม่ๆนำหน้ามาแรงสุดๆ เห็นจะเป็นธุรกิจด้านพลังงาน อุตสาหกรรมเหมืองแร่และวัตถุดิบจากธรรมชาติ อุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจโรงแรม การบริหารและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯลฯ มีตัวอย่างการเข้าซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการโดยการแอบกว้านซื้อหุ้นบริษัทฝรังโดยนักลงทุนชาวจีน ปรากฏเป็นข่าวฮือฮาให้ชาวจีนได้สะใจตามหน้าหนังสือพิมพ์จีน เกือกจะทุกสัปดาห์ ที่ดังเป็นข่าวเด่นในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ก็เช่นกรณีบริษัท PetroChina ร่วมมือกับบริษัท Shell ลงขันกับคนละครึ่ง เข้าซื้อหุ้นกิจการแบบเหมายกบริษัท Arrow Energy Ltd. ของออสเตรเลีย ด้วยมูลค่า 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ข่าวดังอีกชุดก็ได้แก่การปิดเผยตัวเลขจากธนาคารเพื่อการลงทุน ที่ออกมาให้ข่าวว่า ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา มีบริษัทในจีนไปได้สัญญาสัมปทานเหมืองแร่ หรือเข้าไปซื้อกิจการเหมืองแร่ในต่างประเทศ รวม 49 สัญญา หรือข่าวบริษัท Suntech Power Holdings Ltd. ยักษ์ใหญ่ในวงการแผงพลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของจีน เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานขนาดมหึมาในรัฐอริโซนาของอเมริกา เพื่อผลิตแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ป้อนตลาดในทวีปอเมริกา ข่าวการสำรวจและขุดพบแหล่งน้ำมันในซูดานโดยบริษัท China National Petroleum ฯลฯ ตัวอย่างข่าวสารการลงทุนของจีนในต่างประเทศ อย่างที่ยกมานี้ ทำให้พอเข้าใจได้ชัดเจนขึ้นว่า ทำไม่ฝรั่งก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี ถึงได้รู้สึกหนาวเป็นพิเศษ ในฤดูหนาวปีนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น