โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์
สำหรับประเทศจีน ผู้อ่านหลายท่านอาจได้รับทราบอยู่แล้ว ภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยจีน ใกล้เคียงกับของทางตะวันตก เพราะความที่อยู่ในซีกโลกเหนือมีฤดูกาลคล้ายกัน มหาวิทยาลัยในจีนจึงเปิดภาคเรียนแรกประมาณช่วงกลางเดือนกันยายน การสอบเอ็นทรานซ์เพื่อชิงเก้าอี้นั่งในมหาวิทยาลัยของจีน ก็เลยจะช้ากว่าในบ้านเราอยู่เยอะ เมื่อวันจันทร์และเมื่อวานนี้ เป็นวันจัดสอบแข่งขันระดับ ชาติเพื่อคัดเลือกนักศึกษาเข้าสู่มหาวิทยาลัยของจีน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาเข่า ย่อมาจากชื่อเต็มอย่างเป็นทางการคือ "การทดสอบรวมแห่งชาติเพื่อคัดเลือกนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาสามัญสาธารณรัฐประชาชนจีน” (中华人民共和国 普通高等学校招生全国统一考试) เดิมที่เดียวการสอบ เกาเข่า จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม แต่พอถึงปี2003 เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน ก็เลยขยับเลื่อนมาเป็นเดือนมิถุนายนแทน ปีนี้มีนักเรียนทั้งที่จบมัธยมใหม่และที่ตกค้างเดิม สมัครเข้าสอบแข่งขันจำนวน9.57ล้านคน แบ่งเป็นสามแสนสองหมื่นกว่าสนามสอบใหญ่เล็กแตกต่างกันทั่วประเทศ ในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด จะมีผู้ผิดหวังอยู่ราวๆสามล้านกว่าคน เพราะมหาวิทยาลัยทั่วทั้งประเทศมีที่นั่งเพียงหกล้านห้าแสนกว่าที่นั่ง ข่าวดีก็คือ ในปีนี้จำนวนที่นั่งในมหาวิทยาลัยทั้งหลายเพิ่มขึ้นร้อยละ7 ในขณะที่ผู้สมัครลดลง650,000คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว(10.2ล้านคน) แต่ตัวเลขเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้สภาพการแข่งขันดุเดือดน้อยลงแต่อย่างใด ตัวเลขโดยรวมอาจดูเหมือนมีผู้ผิดหวังเพียงร้อยละสามสิบกว่า แต่หากพิจารณาจากความต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศ ซึ่งมีอยู่ราวๆสามสิบกว่าแห่ง อัตราการแข่งขันในการแย่งชิงที่นั่งของมหาวิทยาลัยแนวหน้าเหล่านี้ดุเดือดจนน่าตกใจ
มองด้วยสายตาคนไทยเรา การจัดสอบชิงที่นั่งในมหาวิทยาลัยที่มีผู้เข้าแข่งขันเกือบสิบล้านคนแบบนี้ ต้องถือว่าเป็นงานช้างที่น่าโกลาหลแน่ๆ ยิ่งในยุคสมัยที่ครอบครัวจีนมีลูกโทนเพียงคนเดียว (ตั้งแต่เมื่อปลายทศวรรษที่1990เป็นต้นมา นักศึกษามหาวิทยาลัยจีนต่างเป็นผลผลิตจากนโยบายจำกัดประชากร) การสอบแต่ละครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องปวดหัว ติวเข้ม ลุ้นระทึกของคนแปดเก้าล้านคนเท่านั้น แต่ต้องคูณสามหรือคูณหกรวมเอาพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ที่ต้องคอยกระวนกระวายใจร่วมลุ้นไปกับลูกหลานด้วย เพราะต้องยอมรับว่า สำหรับสังคมจีนปัจจุบัน ค่านิยมเรื่องการเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องใหญ่มาก ใหญ่ขนาดที่ผู้ปกครองเกือบทั้งหมดเชื่อว่าอนาคตของลูกๆขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ถ้าได้จะได้มหาวิทยาลัยชื่อดังหรือไม่ พ่อแม่หรือแม้สังคมรอบด้านต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยสร้างบรรยากาศเตรียมความพร้อม การเรียนเสริมหรือการติวพิเศษได้กลายเป็นเรื่องปรกติ เด็กมัธยมปลายของไทยได้รับการเอาใจใส่ช่วยเหลือเตรียมอย่างไร ของจีนก็ประมาณว่าต้องคูณสองเป็นอย่างน้อย โฆษกศาลแขวง ไฮ่เตี่ยน ทางเขตตะวันตกของมหานครปักกิ่ง ถึงกับออกมาแถลงข่าวว่า ศาลแขวง ไฮ่เตี่ยน จะชะลอการรับคดีหย่าล้างของคู่สามีภรรยา ที่มีบุตรอยู่ในระหว่างการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกราย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสอบของเด็ก หรือแม้แต่ตำรวจจราจรนครปักกิ่งเอง ก็ยังอุตสาห์ออกมาให้ข่าวว่าจะผ่อนปรนยอมให้รถยนต์เลขทะเบียนไม่ตรงวัน (มาตรการลดจำนวนรถยนต์บนถนน ที่มีมาตั้งแต่ตอนแข่งโอลิมปิค โดยกำหนดให้ใช้รถตามเลขทะเบียน)สามารถวิ่งบนถนนได้ หากเป็นการขับไปส่งเด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัย นอกจากจำนวนคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลุ้นวุ่นวายแล้ว ฝ่ายผู้จัดสอบเองก็ต้องเตรียมการมากมาย ทั้งในเรื่องบุคลากรคุมสอบ สถานที่ และที่สำคัญที่สุดคือ มาตรการป้องกันการทุจริตในการสอบ
เฉพาะตัวเลขของกระทรวงศึกษาจีนที่รายงานผลในการสอบของปีที่แล้ว มีนักเรียน2,219รายถูกจับได้ว่าทุจริตในการทำข้อสอบ แต่สาธารณชนทั่วไปในจีนยังคงรู้สึกเหมือนๆกันว่า ตัวเลขการทุจริตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่ามาก ในแต่ละปีที่ผ่านมา วิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทุจริตพัฒนาไฮเทคขึ้นเรื่อยๆ มีข่าวลือหนาหูแพร่หลายในหมู่นักเรียนมัธยม ว่ามีบุคคลที่สามารถช่วยเหลือในการทำข้อสอบให้ด้วยอุปกรณ์ดิจิตอลขนาดจิ๋ว โดยคิดค่าตอบแทนสูงหลายพันหยวน ในปีนี้ทางกระทรวงศึกษาและรัฐบาลมณฑลแต่ละแห่ง ต่างก็เตรียมการป้องกันอย่างสุดความสามารถ ทันทีที่เด็กนักเรียนเข้าไปในห้องสอบก็จะถูกตัดการติดต่อทุกรูปแบบจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นมาตรการตัดคลื่นโทรศัพท์ทุกระบบ การส่งคลื่นรบกวนสัญญาณวิทยุ การตรวจจับอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคและตรวจหาโลหะก่อนเข้าห้องสอบ การตรวจตราผ่านระบบกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุมเต็มพื้นทีฯลฯ แต่มาตรการทั้งหลายนี้ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ผู้คนทั่วไปเชื่อมั่นได้ ข่าวข้อสอบรั่ว หรือมีการขายข้อสอบ ก็ยังมีปรากฏมาตั้งแต่เดือนเมษายน ตามมาด้วยข่าวกับตรวจยึดอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคขนาดจิ๋ว4,000กว่าชิ้นในมณฑล จี้หลิน ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องเตรียมการทุจริต ทั้งหลายทั้งปวงจะจบลงเอยอย่างไร คงต้องรอดูตอนคะแนนออก และตอนเลือกมหาวิทยาลัยในฝันอีกที่ แต่ที่แน่ๆ จะมีนักเรียนหลายล้านคนที่อนาคตได้ถูกตัดสินเรียบร้อยว่าล้มเหลวเพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เว้นแต่จะสามารถดิ้นรนไปเรียนต่อต่างประเทศได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น