รองศาสตราจารย์ พรชัย
ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในท่ามกลางข่าวใหญ่ข่าวดังของประเทศจีน ตลอดช่วงกว่าสัปดาห์มานี้
เห็นท่าคงไม่พ้นเรื่องการประชุมสองสภาฯของจีน
และการเปลี่ยนถ่ายอำนาจสู่ผู้นำใหม่รุ่นที่ห้าอย่างเต็มรูปแบบ จับจองหน้าสื่อทั้งทีวี
หนังสือพิมพ์ นิตยสารครบหมดทุกประเภท ท่านผู้อ่านที่รักซึ่งได้ติดตามข่าวสารต่างประเทศ
ผมเข้าใจว่าคงเบื่อข่าวนี้เต็มทีแล้ว ผมเองก็เบื่อเช่นกันครับ
เพราะเล่าไปสองรอบแล้วเป็นอย่างน้อย สัปดาห์นี้เลยต้องเสาะหาข่าวจากสื่อกระแสรองมานำเสนอแทนครับ
ที่จั่วหัวคอลัมน์ไว้ข้างต้นนั้น เรียนว่าเป็นอารมณ์ประชดส่อเสียดตามแบบฉบับชาวเน็ตในประเทศจีน
ผมก็พยายามถ่ายทอดบรรยากาศให้ได้ใกล้เคียง ฉะนั้นที่กำลังจะเล่าสู่กันต่อไปนี้
จึงเป็นเรื่องความทุกข์ความเดือดร้อนของพ่อแม่ชาวจีนหลายคู่ในเวลานี้
อันมีเหตุมาจากพฤติการณ์ของลูกๆ ในด้านหนึ่งก็อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาเกิดขึ้นทุกที่ในโลกนี้
แต่เพราะอำนาจ ตำแหน่ง ชื่อเสียงของพ่อแม่
ข่าวความฉาวโฉ่ของบรรดาลูกหลานคนใหญ่คนโต
ก็มักถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักสาหัสกว่าลูกชาวบ้านทั่วไป
ยิ่งในเวลาที่พ่อหรือแม่กำลังนั่งประชุมกันอยู่ในสภาใดสภาหนึ่งอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ก็เลยยิ่ง งานเข้า
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงเดือนก่อน
จะโดยบังเอิญหรือเป็นเรื่องปรกติประจำอยู่แล้วก็ไม่ทราบ ดูจะปรากฏข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์ออกไปในทางเสียหาย
ของบรรดาลูกหลานคนใหญ่คนโตในประเทศจีนมากมายหลายกรณี ทุกครั้งพอเกิดเหตุ
แม้สื่อกระแสหลักอาจไม่ได้รายงานข่าวกันมากอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ในโลกอินเตอร์เน็ตหรือสังคมออนไลน์จีน
เรื่องแบบนี้จะกระจายได้รวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง
นอกจากจะด่าทอว่ากล่าวกันอย่างรุนแรงแล้ว
ก็มักวนกลับไปรื้อฟื้นเทียบเคียงกับข่าวฉาวอื่นๆก่อนหน้าด้วยเสมอๆ
ในช่วงเวลานี้ก็เช่นกัน มีข่าวเกี่ยวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัย16ปีของนายทหารใหญ่จีนท่านหนึ่ง
ที่ได้ดีเพราะเป็นนักร้องปลุกใจชาตินิยมของพรรคฯที่โด่งดังมาก
เชื่อกันว่าลูกชายคนดังกล่าวกับพวกอีก5คน ทุบตีทำร้ายร่างการผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส
ถูกตำรวจจับไปเพียงแค่15นาทีก็ได้รับการปล่อยตัว โดยชาวเน็ตของจีนมองว่าเรื่องนี้ต้องมีอิทธิพลของพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
นอกจากวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่โตแล้ว ใครมีข้อมูลอะไร
ต่างก็ขุดคุ้ยเอามาแชร์กันในโซเชียลมีเดียจีน
เดือดร้อนจนแม้หนังสือพิมพ์ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐคือ หนังสือพิมพ์เหรินหมิน
อยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกมาเสนอข่าวย้อนหลังในโทนเสียงแบบกลางๆ
หากจะวิเคราะห์กันให้จริงจังแล้ว
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่รักก็คงพอจินตนาการได้ ว่าแท้จริงแล้วชาวเน็ตของจีนอาจไม่ได้ชิงชังกับเด็กลูกเศรษฐีหรือคนใหญ่คนโตคนใดเป็นการเฉพาะตัว
แต่ปรากฏการณ์ข้างต้นนี้สะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก
นั่นคือความแตกต่างทางชนชั้นและความไม่เท่าเทียมทางสังคม
ที่นับวันจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นในประเทศจีน ความไม่เท่าเทียมเหล่านี้
ในรุ่นพ่อแม่ที่ใช้ความได้เปรียบในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ใส่ตัว มักจะไม่แสดงออกหรืออวดมั่งมีอวดเบ่งให้ปรากฏมากนัก
แต่ภาพความไม่เท่าเทียมและความอยุติธรรมมาปรากฏชัดเจนต่อสายตาสาธารณชนมากยิ่งขึ้น
ก็ในยุครุ่นลูกหรือบรรดาอภิชาตบุตรทั้งหลาย ผ่านรสนิยมและวิถีชีวิตที่ฟุ้งเฟ้ออวดเบ่ง
ฟังดูเหมือนลูกหลานคนใหญ่คนโตในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายไม่ผิดเพี้ยน
ในศัพท์แสงของชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป บรรดาอภิชาตบุตรกลุ่มนี้
มีคำเรียกขานในวงการซุบซิบนินทาที่จำแนกแยกแยะประเภทอยู่หลายคำเช่น ฟู้เอ้อร์ไต่(รวยรุ่นที่สอง)
กวนเอ้อร์ไต่(ลูกหลานข้าราชการระดับสูง) ซิงเอ้อร์ไต่(ลูกหลานเซเลบริตี้)
หงเอ้อร์ไต่(ลูกหลานผู้ใหญ่ในพรรคฯ) เคิงเตีย(ลูกล้างผลาญชื่อเสียงพ่อแม่)
แต่ละคำก็ให้อารมณ์และอคติหนักเบาที่แตกต่างกัน จะถูกวิจารณ์มากหรือน้อย
ก็ต้องประกอบเข้ากับพฤติการณ์เจ้าตัว ว่าสร้างความเดือดร้อนหรือความน่าหมั่นไส้แก่สาธารณชนมากหรือน้อยแค่ไหน
หลายคนเป็นลูกหลานผู้ใหญ่ในพรรค แต่ทำตัวรวยแบบเงียบๆ
แม้มีคนทราบเบื้องหลังแต่ก็ไม่ถูกโจมตีมากนัก
ผิดกับบางคนที่พ่อแม่ทำมาหากินเหนื่อยยากด้วยน้ำพักน้ำแรง
ไม่ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่ แต่ลูกหลานใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ อวดร่ำอวดรวย
ควงดาราสาวเป็นพวง แบบนี้ก็อาจโดนหนัก ทั้งที่พ่อแม่เป็นคนดีทำมาหากิน
กรณีที่กำลังตกเป็นขี้ปากถูกรุมบริภาษอยู่อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียของจีนนอกจากนาย
หลี่ เทียนอี้ บุตรชายวัย16ของนายทหารนักร้องดัง หลี่ ซวงเจี่ยง
ที่ร่วมกับพวกไปทำร้ายร่างการกลุ่มวัยรุ่น ก็ยังมีนาย หลี่ ฉีหมิน
บุตรชายวัย22ปีของนายหลี่ กัง รองผู้บังคับการตำรวจเขตเป่าติ้ง มณฑลเหอเป่ย
ที่เมาสุราขับรถชนนักศึกษาสาวตายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งเมื่อปลายปี2010
พอตำรวจจราจรเข้าไปจับ คนขับรถก็ร้องตะโกนว่า “พ่อข้าคือ หลี่กัง” ตำรวจเลยต้องถอยไปตั้งหลักอยู่นานกว่าจะตัดสินใจดำเนินคดีในเวลาต่อมาเพราะทนเสียงวิจารณ์ของสังคมไม่ได้
แม้ภายหลังทั้งพ่อลูกจะออกมาขอโทษผ่านสื่อทีวี แต่วลี “พ่อข้าคือ หลี่กัง”
ก็ได้กลายเป็นวลีฮิตติดปากชาวบ้านทั้งในและนอกมณฑลเหอเป่ยไปเรียบร้อย
อีกทั้งยังมีมือดีใจกล้าทำอนุสรณ์รถชนคนตายติดป้าย “พ่อข้าคือ หลี่ กัง”ให้อีกต่างหาก
อีกรายที่ดังเป็นข่าวนินทาในเว็บฯพอๆกัน คือสาวทอมสุดหล่อ จาง เจียเล่อบุตรีนักธุรกิจพันล้านด้านประกันภัยและเครื่องใช้ไฟฟ้า
เสียงวิจารณ์หลักๆสืบเนื่องมาจากการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อสุดหรู มีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวใช้ตั้งแต่อายุ15ปี
ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวและเป็นทายาทสืบทอดธุรกิจหลายพันล้านหยวน
มีสาวๆแวดล้อมคราวละเกือบสิบคนในทุกงานสังคม
ในขณะที่ประเทศจีนกำลังเปลี่ยนผ่านถ่ายโอนอำนาจในระดับบน
ชาวบ้านที่ดิ้นรนต่อสู่หาเลี้ยงชีพกำลังขมขื่นกับความอยุติธรรมและช่องว่างทางเศรษฐกิจ-สังคม-การเมือง
ที่นับวันจะยิ่งขยายถ่างมากขึ้น กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียของจีนอาจเป็นเพียงยอดบนของภูเขาน้ำแข็ง
ซุกซ่อนความชิงชังและคลั่งแค้นอยู่ภายใต้ ความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อระบบ
ต่อผู้นำ ต่อพรรคฯ และต่อรัฐบาล ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนส่วนสำคัญอาจเป็นด้วยฝีมือของบรรดาอภิชาตบุตรชนชั้นสูงเหล่านี้
ดูไปดูมาสังคมจีนชักจะคล้ายบ้านเรามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนในเฟสบุ๊คบ้านเรา
ก็มีเสียงวิจารณ์ทำนองนี้มากอยู่เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น