ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ ชุมชนแห่งความรู้ด้านจีนศึกษา


ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ชุมชนวิชาการจีนศึกษา

ชุดโครงการวิจัยจีนศึกษานี้ นอกจากจะมุ่งสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ เพื่อให้ทันกับความจำเป็น และความต้องการของประเทศ ทั้งในแวดวงวิชาการชั้นสูงแล้ว ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการบูรณาการความรู้ เพื่อวางแผนการพัฒนาประเทศ "ชุดโครงการวิจัยจีนศึกษา" จึงเป็นการมุ่งเปิดมุมมองการศึกษา เกี่ยวกับมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในชนบทจีน ความเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลจากการพัฒนาทางอุตสาหกรรม กระบวนการ นคราภิวัตร คู่ความสัมพันธ์และขัดแย้งระหว่างเมืองและชนบทของจีน ปัญหาทางเศรษฐกิจ และ การปรับตัวของทั้งเมือง ต่อชนบท และทั้งของชนบทต่อเมือง อันเป็นผลพวงจาก นโยบายปฏิรูปเปิดกว้างของรัฐบาลจีนในช่วงเกือบ30ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบททางสังคมและการเมือง ซึ่งยังได้รับความสนใจศึกษาทางวิชาการไม่มากนัก ตลอดจนศึกษาผลกระทบจากการดำเนินนโยบายต่อภาคการเกษตรและการพัฒนาชนบทของจีนที่เกิดขึ้น การลงทุนภาคเกษตรของจีนในประเทศเพื่อนบ้าน ย่อมเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลต่อภาคการเกษตรและชนบทในภูมิภาคใกล้เคียง ในหลายกรณี การขยายตัวของสินค้าเกษตรส่งออกของจีน นโยบายแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำภาคเกษตร ในจีน ได้ส่งผลโดยตรงแล้วต่อเกษตรกรไทย ทั้งในเรื่องการตลาด ของสินค้าเกษตร ที่ทุ่มตลาดจากการเปิดเสรีทางการค้า ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการสร้างเขื่อน และสุขภาวะของชนบทไทยโดยรวม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งทำการศึกษาและทำความเข้าใจ

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สองเรื่องสองรส <คุณภาพสังคมจีน>

โดย รศ.พรชัย  ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สัปดาห์นี้ ใครต่อใครที่สนใจติดตามข่าวสารเรื่องราวจากประเทศจีน แน่นอนว่าคงจะต้องเกาะติดถกเครียดเรื่องใหญ่ๆ สองเรื่องที่กำลังเป็นข่าวดังตามสื่อนานาชาติ หนึ่งคือปัญหาความขัดแย้งจนกำลังกลายเป็นประเด็นพิพาท ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ว่าด้วยพื้นที่เกาะสการ์บอรอฟโชล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 เมษายน ทั้งประท้วง ทั้งส่งกองเรือคุมเชิง ทั้งห้ามทัวร์ชาวจีนไปฟิลิปปินส์ วุ่นวายน่าดู อีกเรื่องเป็นข่าวด้านเศรษฐกิจจีน ปรากฏว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจตกลงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก อีกทั้งตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ลดลงต่อเนื่องกันมาเป็นเดือนที่หกแล้ว เจอสองเรื่องนี้เข้าไป ใครที่แอบลุ้นให้จีนเป็นฮีโร่เศรษฐกิจโลก หรือเป็นพี่ใหญ่ใจดีในเอเชีย คงต้องลำบากใจพอสมควร โดยเฉพาะท่าที่ของจีนที่แข็งกร้าวใส่ฟิลิปปินส์ ดูจะเป็นผลเสียต่อจีนมากกว่าจะเป็นผลดี
                             ผมเป็นคนไม่ชอบเรื่องร้อนใจ อีกทั้งก็ไม่ค่อยอยากนำเสนอเรื่องน่าปวดหัวให้ท่านผู้อ่านที่รักพลอยร้อนใจไปด้วย สัปดาห์นี้ก็เลยขอหลบข่าวดัง มาเล่นข่าวรองสวนกระแสหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องสายลมแสงแดดไปเสียทีเดียว มีประเด็นสาระให้วิเคราะห์ จะคิดลึกตรึกตรองให้เป็นเรื่องปวดหัวร้อนใจก็ได้เหมือนกัน เป็นเรื่องราวด้านสังคมในสองแง่มุมของจีนปัจจุบัน ขอเล่าเรื่องสบายๆ เรื่องแรกก่อน เมื่อบ่ายวันที่11 พ.ค. ที่ผ่านมา มีข้อความจากหญิงสาวรายหนึ่งจากมหานครปักกิ่ง ลงเผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กจีน ใจความประมาณว่า
 ดิฉันมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆชาวเน็ต คุณตาป่วยหนัก แพทย์เจ้าของไข้แจ้งว่าท่านเหลือเวลาไม่มากแล้ว ท่านทำงานหนักมาตลอดชีวิต มีสถานที่มากมายที่อยากไปท่องเที่ยว แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส มาถึงตอนนี้จะพาไปก็ไม่ทันการแล้ว ดิฉันได้วาดภาพคุณตาขึ้นมาหนึ่งภาพ หวังขอความกรุณาเพื่อนๆ พิมพ์ภาพคุณตาออกมา และนำไปถ่ายภาพร่วมกับทิวทัศน์ในพื้นที่ที่เพื่อนๆอาศัยอยู่ แล้วส่งภาพกลับมาให้ดิฉัน เพื่อที่จะได้นำภาพเหล่านั้นให้คุณตาได้ชม เป็นเสมือนสื่อนำท่านท่องเที่ยวทั่วโลก ในดินแดนที่คุณตาใฝ่ฝันอยากไป ตอบสนองความคาดหวังที่คุณตาตั้งใจไว้ รบกวนไหว้วานทุกท่านช่วยเหลือ
                   ปรากฏว่าเพียงแค่ถัดมาไม่กี่วัน มีคนส่งต่อข้อความร้องขอนี้กระจายไปทั่วโลก(ทั้งที่เป็นภาษาจีน)หลายแสนครั้ง และมีผู้นำรูปวาด คุณตาถ่ายภาพร่วมกับทิวทัศน์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วโลก ส่งเข้ามาให้หลานสาวนับหลายหมื่นภาพ เกิดเป็นปรากฏการณ์คุณตาเที่ยวรอบโลก ขึ้นในสังคมออนไลน์ของจีนและชุมชนชาวจีนทั่วโลก หลานสาวนำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา เปิดภาพต่างๆที่เพื่อนพ้องชาวเนตส่งเข้ามา ทยอยให้คุณตาดูด้วยความปิติจนน้ำตาไหล วันละหลายชั่วโมงเท่าที่แพทย์จะอนุญาต จนปานมีคงยังดูไม่ได้หมด กลายเป็นนข่าวดังมีสื่อมวลชนแขนงต่างๆตามสืบจนพบตัว ไปทำข่าวถึงโรงพยาบาล แม้จะไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์ แต่สื่อก็พากันถ่ายภาพและสังเกตการณ์ ผ่านช่องกระจกประตูห้องพักคนไข้ที่คุณตาพักรักษาตัวอยู่ ล่าสุดที่ผมเข้าไปติดตามข่าว เห็นภาพถ่ายที่ส่งมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆใกล้จะถึงหนึ่งแสนภาพ มีภาพถ่ายจากวัดในจังหวัดเชียงใหม่ส่งเข้าไปด้วย

                       เรื่องที่สอง กลางดึกคืนวันหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ เสียงร้องสุดชีวิตของเด็กชายอายุสิบสาม ปลุกกระชากวิญญาณทุกดวงในหมู่บ้านเล็กๆของชนบทห่างไกล ในเขตปกครองของนครฉงชิ้งให้ต้องสะดุ้งตื่น  เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลอยไปไกล แม่กำลังเอามีดแทงพวกเรา เด็กชายวิ่งทุบประตูบ้านทีละหลังในละแวกใกล้เคียง เพื่อนบ้านที่ตกใจตื่นเปิดประตูออก พบร่างของเด็กชายเลือดท่วมตัว เมื่อเพื่อนบ้านรวมตัวไปดูบ้านที่เกิดเหตุ ก็พบสภาพน้องชายวัยสิบเอ็ดกระเสือกกระสนออกนอกบ้าน ตามตัวมีแผลถูแทงหลายสิบแผลแต่ไม่พบตัวแม่ผู้ก่อเหตุ ขณะที่เพื่อนบ้านนำตัวเด็กทั้งสองส่งโรงพยาบาลในเมือง เด็กชายผู้พี่ก็เสียเลือดไปมาก ขาดใจก่อนถึงมือหมอ น้องชายอาการบาดเจ็บสาหัส แต่แพทย์ช่วยยื้อชีวิตได้สำเร็จ สี่วันต่อมา มีผู้พบศพแม่วัย37ปี ลอยอยู่ในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน ผู้ตายเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง อาศัย หมู่บ้านนี้กับลูกชาย2คน ส่วนสามีวัย41 ทำงานอยู่ในเมืองใหญ่ห่างออกไป1,200กิโลเมตรทางตะวันออกในมณฑลอันฮุย ไม่มีใครในหมู่บ้านระแคะระคายว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ลางบอกเหตุประการเดียวที่มี คือหญิงผู้ก่อเหตุโทรศัพท์หาสามีก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ขอร้องให้สามีกลับบ้าน เธอบอกสามีว่ารู้สึกไม่สบาย แต่สามีก็ปฏิเสธและบอกให้เธอไปหาหมอหากรู้สึกไม่สบาย เรื่องราวทำร้ายคนในครอบครัวและฆ่าตัวตายคล้ายๆกันนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ27มีนาคมปีนี้ ที่หมู่บ้านห่างไกลอีกแห่งในมณฑลเสฉวน แม่วัย27ปีรายหนึ่ง พยายามวางยาพิษฆ่าลูกสามคนและดื่มยาฆ่าตัวตายตาม(แต่โชคดีรอดหมด เพื่อนบ้านช่วยไว้ทัน) สิ่งที่เหมือนกันก็คือ สามีของหญิงรายนี้ ทำงานอยู่ในมณฑลฟูเจี้ยนทางชายฝั่งตะวันออก ห่างไกลจากบ้านนับพันกิโลเมตร

                      
          สถิติอย่างเป็นทางการของจีนระบุว่าในปี2011 จีนมีแรงงานอพยพที่ทำงานต่างถิ่นนอกเขตมณฑลบ้านเกิดกว่า240ล้านคน นั้นหมายความว่าอาจมีหญิงที่แต่งงานแล้วนับร้อยล้านคนเป็นอย่างน้อยที่ถูกละทิ้งไว้ในหมู่บ้าน พร้อมทั้งภาระในการเลี้ยงดูเด็ก คนแก่ และทำงานในไร่นาของครอบครัว ที่จริงเคยมีงานวิจัยชิ้นสำคัญในปี2009 ที่พรรณาให้เห็นปัญหาภาระทางเศรษฐกิจ สังคม และจิตวิทยา ที่ผู้หญิงเหล่านี้ต้องแบกรับ อันสืบเนื่องมาจากการทิ้งบ้านไปหางานทำในเมืองของเหล่าสามีตัวดี มาบัดนี้ เศรษฐกิจจีนก็ไม่ถึงกับจะรุ่งเรืองฟู่ฟ่าเหมือนแต่ก่อน สถานการณ์และขนาดของปัญหาน่าจะหนักหนายิ่งขึ้น
        ทั้งสองเรื่องสองรสที่ผมเอามาเล่าสู่กันฟัง รับรองว่าไม่ได้แต่งนิยายขึ้นมาเอง เป็นเรื่องราวจริงที่ประมวลมาจากสื่อต่างๆของจีนในสัปดาห์นี้ ส่วนว่าอ่านแล้วจะนำไปสู่ข้อวิเคราะห์วิจารณ์อย่างไร อันนี้ต้องแล้วแต่ท่านผู้อ่านที่รักละครับ จะรับทราบไว้เฉยๆ หรือจะตรึกตรองให้ร้อนใจอย่างไร ก็เชิญตามอัธยาศัยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น