โดย รศ.พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สัปดาห์นี้มีข่าวสำคัญของแวดวงเศรษฐกิจจีนอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจสูงและก็เกี่ยวเนื่องกับเรื่องท้องถิ่นของจีน(หวังว่าท่านผู้อ่านที่รักจะไม่เบื่อเสียก่อน เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนก็คุยเรื่องท้องถิ่นจีนไปรอบหนึ่งแล้ว) ผมเห็นว่าน่าสนใจ เลยขออนุญาตนำมาเล่าต่อ ประเด็นที่จะชวนคุยในคราวนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ทำให้ตอนนี้บรรดาหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบดูแลเศรษฐกิจ ต่างพากันเดือดร้อนต้องเร่งหามาตรการมาพยุงไม่ให้เศรษฐกิจจีนชะลอรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างของจีนที่ถูกกระทบมากเป็นพิเศษ และกำลังทำท่าว่าจะฉุดเอาบรรดาธุรกิจและคนงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆตกงานไปตามๆกัน ราคาเหล็ก ทองแดงและอลูมิเนียมสำเร็จรูปสำหรับการก่อสร้าง ตอนนี้ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า ร่วงกันลงมาหมด โครงการก่อสร้างใหม่ๆชะลอตัวเลื่อนออกไป ที่สร้างเสร็จก็ไม่สามารถส่งมอบได้ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนหนึ่งก็ถูกทิ้งร้างรอดูสถานการณ์ อาการคล้ายๆกับในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่1980 ที่เห็นตึกร้างเห็นเครื่องจักรก่อสร้างจอดทิ้งข้างทางเต็มไปหมด แต่เที่ยวนี้หากปล่อยทิ้งไว้ ผลที่ตามมาน่าจะร้ายแรงกว่ามาก
หนึ่งในข้อเสนอแนะเพื่อประคองสถานการณ์เฉพาะหน้า ก็คือนโยบายส่งเสริมให้รัฐบาลท้องถิ่นของจีนที่ยังมีสภาพคล่อง เข้ามาช่วยเหมาซื้อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆในพื้นที่ นำมาพัฒนาต่อให้เสร็จ แล้วเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยถึงระดับกลางได้เช่าอยู่อาศัย ข้อเสนอนี้ มีที่มาจากเวทีประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ช่วงระยะตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงต้นปี2012นี้ รัฐบาลจีนเผชิญกับปัญหาทางแพร่งเชิงนโยบายที่บังคับใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีน ในด้านหนึ่งรัฐบาลจีนจำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูแลคนยากจนและคนชั้นกลางไม่ให้ต้องเดือดร้อนจากราคาที่อยู่อาศัยที่แพงเกินจริงอันเนื่องมาจากการเก็งกำไรในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ต้องเข้าควบคุมสินเชื่อและจำกัดสิทธิ์การซื้อขายที่มากเกินความจำเป็น อันส่อไปในทางกว้านเก็งกำไร ในอีกด้านหนึ่ง ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในหลายสิบปีที่ผ่านมา และชักนำให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ การควบคุมเข้มงวดที่เกินไป ก็อาจทำให้อุตสาหกรรมอื่นๆพลอยชะงักไปด้วย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในระยะยาวและเพื่อประโยชน์ของผู้มีรายได้น้อย ช่วงปีเศษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจบังคับใช้มาตรการต่างๆไปในทิศทางที่เข้มงวดกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงครึ่งแรกของปี2011สถานการณ์ด้านอื่นๆยังเป็นปรกติ การตัดสินใจเช่นนี้ไม่ส่งผลกระทบมากเท่าใด ถึงมีรัฐบาลกลางก็เอาอยู่ ทว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาจากการส่งออกสินค้าทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดยุโรปปรากฏชัดเจนรุนแรงกว่าที่คาด มาตรการเข้มงวดด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังส่งผลกระทบเข้าข่ายใกล้จะเอาไม่อยู่ อาจถึงเวลาจำเป็นจะต้องหาแหล่งเงินเข้ามาเหมาซื้อให้ทันการณ์ ก่อนที่จะเสียหายกันไปมากกว่านี้
มีการคาดการณ์คร่าวๆว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ท้องถิ่นจีนทั้งประเทศน่าจะยังมีวงเงินที่จะใช้จ่ายได้โดยไม่กระทบกับการบริหารงานสาธาณะด้านอื่นๆ อีกไม่น้อยกว่า2ล้านล้านหยวน บางส่วนของเงินจำนวนนี้ หากนำมาซื้อเหมาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อไปพัฒนาต่อแล้วขายในราคายุติธรรม น่าจะมีกลุ่มรายได้ระดับกลางอีกมากที่พร้อมจะซื้อ ส่วนที่เหลือก็สามารถปล่อยเช่าให้กับกลุ่มรายได้น้อยในฐานะเป็นสวัสดิการของรัฐในการดูแลคนยากจน หรืออาจผ่อนปรนนโยบายการเช่าซื้อระยะยาวเป็น20-30ปี ให้กับคนยากจนที่มีรายได้น้อยไม่เข้าเกณฑ์เช่าซื้อตามกฎหมายที่เป็นอยู่ หรือก้าวหน้ากว่านั้น ทำสัญญาเช่าซื้อล่วงหน้าอนุญาติให้ผู้เช่าที่ยังมีรายได้น้อยอยู่ในขณะนี้เช่าอาศัยรายเดือนไปก่อน เมื่อมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ก็อาจตัดสินใจซื้อได้ในราคาที่หักค่าเสื่อมของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯ อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รัฐบาลท้องถิ่น ผู้ซื้อบ้าน ผู้เช่ารายได้น้อย อยู่รอดไปด้วยกันทั้งหมด
อย่างไรก็ดี การจะฝากความหวังไว้กับแหล่งเงินของบรรดารัฐบาลท้องถิ่นจีน ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องสะดวกราบรื่น แม้ว่าที่ผ่านมางบประมาณภาครัฐเกินกว่าร้อยละ50ถูกจัดสรรส่งตรงลงไปที่ท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นจีนจำนวนมากก็เข้าไปลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานราคาแพงที่เกินความจำเป็น และจำนวนมากได้ก่อหนี้ก่อสินไว้เกินกำลังเรียบร้อยแล้ว แนวคิดเรื่องทำโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นสวัสดิการที่อยู่อาศัยโดยรัฐบาลท้องถิ่น ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยทำ เฉพาะช่วงไตรมาสที่3ของปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มีรัฐบาลท้องถิ่นของจีนไม่น้อยกว่า33เมือง ได้ทดลองซื้อต่อโครงการฯของเอกชนมาดำเนินการ ผลออกมาอย่างไรก็ยังไม่ชัดเจนนัก ที่สำคัญรัฐบาลท้องถิ่นจำนวนมากของจีน ตกอยู่ในสภาพหนี้ล้นพ้นตัว มีไม่มากนักที่สามารถบริหารจัดการการลงทุนให้สอดคล้องกับรายได้ตรงตามผลที่คาดการณ์ หนี้สินรวมของท้องถิ่นจีนในปัจจุบันน่าจะสูงทะลุ10.7ล้านล้านหยวนไปเรียบร้อยแล้ว (ในทางกฎหมายท้องถิ่นจีนไม่สามารถกู้เงินโดยตรงจากสถาบันการเงิน แต่ต้องกู้ผ่านองค์กรบริหารหนี้สินเพื่อการพัฒนารัฐบาลท้องถิ่น โดยการเอาสินทรัพย์ของรัฐบาลท้องถิ่นมาวางค้ำ องค์กรฯก็จะไปออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้หาเงินมาให้อีกทอดหนึ่ง) หนี้สินเหล่านี้ ส่วนใหญ่กู้มาแล้วก็ขาดทุน ไม่สามารถชำระคืนได้ตามกำหนด อันเป็นผลมาจากแผนการลงทุนและการบริหารงบประมาณที่ขาดประสิทธิภาพ ยังไม่พูดถึงปัญหาการคอรัปชั่นในระดับท้องถิ่นว่ารุนแรงระดับไหนหากมีอภิมหาโปรเจ็คแบบที่เสนอเพิ่มเข้าไปอีก
ได้ข่าวว่าข้อเสนอเรื่องข้างต้นนี้เป็นที่สนใจกันมาก และมีการกดดันให้รัฐบาลกลางของจีนเร่งตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือไม่ ผมดูๆแล้วก็ลังเลแทน เพราะท้องถิ่นจีนในนาทีนี้ เป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยง แล้วแต่ว่าจะวิเคราะห์กันในมุมไหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น