โดย รศ. พรชัย ตระกูลวารานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรื่องราวเกี่ยวกับตรุษจีน ซึ่งได้นำเสนอไปเมื่อวันก่อนยังไม่อาจนับได้ว่าสะเด็ดน้ำดีนัก ผมเลยต้องขออนุญาตขยายความเพิ่มเติมเป็นตอนที่สอง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เล่าเรื่องความอึดอัดคับแค้นใจของคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งซึ่งอาจไม่ได้มีโอกาสกลับบ้านไปฉลองตรุษจีนพร้อมหน้ากับครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ด้วยสาเหตุทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ก็ยังมีประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตรุษจีนอีกหลายประการ อันเป็นหัวข้อข่าวนำเสนอและวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อประเภทอื่นๆ ของจีน เช่น ประเด็นวันตรุษจีนตรงกับวาเลนไทน์ของฝรั่ง หนุ่มสาวจีนจะฉลองแนวตะวันออกหรือตะวันตกอย่างไร ประเด็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ในจีน จะเพิ่มจำนวนยอดนักท่องเที่ยวของปีนี้อย่างไรฯลฯ มากมายหลายประการ
กระทรวงคมนาคมจีนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ให้ตัวเลขกับสื่อมวลชน ประมาณว่าในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะมีคนเดินทางทั่วทั้งประเทศอยู่ที่ 2,540ล้าน เที่ยว/คน/ครั้ง (ใครว่างๆลองเทียบกับสงกรานต์บ้านเราดูหน่อย ว่าเป็นกี่เท่าตัว) ทั้งนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ7.7 ในจำนวนนี้จะเป็นการเดินทางโดยรถบัสโดยสาร 2,270ล้าน เที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารรถไฟ 210 ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารเรือชนิดต่างๆ 32ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารทางเครื่องบินพานิชย 28.94 ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง ความโกลาหลนี้จะดำเนินไปจนถึงประมาณต้นเดือนมีนาคม กว่าที่เหตุการณ์ต่างๆจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ สาเหตุที่การเดินทางต้องลากยาวไปขนาดนั้น ไม่ได้เป็นเพราะคนจีนติดนิสัยหยุดเพลินหรือหยุดแถมท้ายแบบบ้านเรา แต่ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาไม่สามารถหาตั๋วโดยสารได้จริงๆ เลยต้องทยอยกันออก และทยอยกันกลับมาทำงาน แม้ทางการจีนจะยืนยันว่าได้เตรียมรถโดยสารไว้ถึง 820,000คัน จัดเรือเพิ่มอีก 20,000ลำ และเพิ่มขบวนรถไฟให้สามารถวิ่งบริการตลอด 24 ชั่วโมงในเส้นทางสำคัญสายหลัก แต่ก็ไม่อาจรองรับจำนวนผู้โดยสารให้เดินทางได้ครบถ้วนในเวลาหัวท้ายของช่วงเทศกาล
ตัวเลขข้างต้น เป็นแต่เพียงภาพสะท้อนในเชิงปริมาณ ทว่ายังมีปัญหาปลีกย่อยโกลาหลอื่นๆเกิดขึ้นควบคู่กันไป บางเรื่องก็ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เช่นการปล้นชิงวิงราวตั๋วโดยสาร จนทางการจีนต้องนำระบบการจำหน่ายตั๋วระบุชื่อผู้โดยสารเข้ามาใช้กับการโดยสารรถไฟในสถานีหลัก 37 แห่ง เสียเงินงบประมาณปรับเปลี่ยนระบบจำหน่ายตั๋วไปกว่า 100 ล้านหยวน กระนั้นก็ตาม ยังมีผู้โดยสารบางรายใช้วิธีสวมรอย สำนักข่าว ไชน่าเดลี รายงานว่า ตำรวจรถไฟสถานีกวางเจา ในมณฑลกวางตง ได้จับตัวชายสองคนที่ต้องหาว่าใช้ตั๋วโดยสารในชื่อของบุคคลอื่น ส่วนรายละเอียดว่าทั้งคู่ไปทุบตีแย่งชิงตั๋วรถไฟมาจากใคร ในรายงานข่าวไม่ได้บอกไว้ นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวจากตำรวจรถไฟในเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง ว่ากำลังจับตาดูพฤติการณ์ผู้ซื้อตั๋วโดยสารบางราย ที่จองซื้อตั๋วจำนวนมากในบางเที่ยวของขบวนรถไฟสายหลัก ทั้งนี้ด้วยเกรงกันว่าอาจนำไปจำหน่ายต่อในราคาสูงภายหลัง โดยใช้วิธีการขูดปลอมชื่อผู้โดยสาร ในส่วนของตั๋วรถโดยสารระหว่างเมืองซึ่งยังไม่ได้ใช้มาตรการพิมพ์ชื่อผู้โดยสาร ปัญหาก็ดูจะมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริการขนส่งที่ประชาชนใช้มากที่สุด ในบางเมืองใหญ่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีบริษัทจองตั๋วเถื่อนไม่ได้รับอนุญาต ใช้วิธีพิมพ์ตั๋วรถโดยสารปลอมหลอกขายประชาชนในราคาสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ไม่สามารถลางานไปเข้าคิวจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ แต่ในท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมดนี้ ก็ยังมีข่าวดีโผล่มาเป็นกำลังใจเล็กๆ โดยรัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะเร่งพัฒนาระบบการเดินรถไฟความเร็วสูงระยะทางกว่า 26,000 กิโลเมตร ให้ทันใช้ก่อนตรุษจีนปี 2012 เพื่อให้การเดินทางโดยรถไฟเป็นทางเลือกหลักของประชาชน เพราะรัฐบาลเองก็คงเบื่อหน่ายกับการเดินทางโดยรถบัสโดยสารขนาดใหญ่ที่มักเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล กลายเป็นข่าวพาดหัวอยู่ทุกปี หากระบบรถไฟความเร็วสูงสร้างเสร็จ นอกจากจะเพิ่มจำนวนเที่ยวรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาเดินทางได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ขบวนรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-ฮ่องกง จะใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง จากเดิม 24 ชั่วโมง ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เหลือเพียง 2 ชั่วโมง เล่ามาถึงตอนนี้ ก็อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ รถไฟรางคู่ของเรา ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
แต่ประเด็นที่ผมจะชวนคุยต่อเป็นภาค 2 ได้แก่ปัญหาการจัดการระบบขนส่งคมนาคมในช่วงก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันทุกปีว่าสุดๆๆ อันที่จริงถ้าจะว่ากันให้เป็นธรรมสักหน่อย สำหรับประเทศที่มีประชากรพันสองร้อยจ่อพันสามร้อยล้านคนอย่างเช่นประเทศจีน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้วนแต่สุดๆๆได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าในด้านดีหรือด้านร้าย เฉพาะเรื่องจัดการขนส่งคลื่นมนุษย์อพยพกลับบ้านตรุษจีน และจากบ้านกลับมาทำงานในเมือง คงเป็นเรื่องอภิมหาโกลาหลวุ่นวายเกินกว่าที่คนปรกติทั่วไปจะจิตนาการได้ ประมาณการณ์ไว้ว่าตลอดช่วงระยะเวลาเกือบ 40 วันทั้งก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีน การจราจรขนส่งทุกประเภทในประเทศจีนจะเข้าสู่ช่วง “ผิดปกติ” มากเป็นพิเศษ
กระทรวงคมนาคมจีนซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ให้ตัวเลขกับสื่อมวลชน ประมาณว่าในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะมีคนเดินทางทั่วทั้งประเทศอยู่ที่ 2,540ล้าน เที่ยว/คน/ครั้ง (ใครว่างๆลองเทียบกับสงกรานต์บ้านเราดูหน่อย ว่าเป็นกี่เท่าตัว) เริ่มต้นนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ7.7 ในจำนวนนี้จะเป็นการเดินทางโดยรถบัสโดยสาร 2,270ล้าน เที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารรถไฟ 210 ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารเรือชนิดต่างๆ 32ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง โดยสารทางเครื่องบินพานิชย 28.94 ล้านเที่ยว/คน/ครั้ง ความโกลาหลนี้จะดำเนินไปจนถึงประมาณต้นเดือนมีนาคม กว่าที่เหตุการณ์ต่างๆจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ สาเหตุที่การเดินทางต้องลากยาวไปขนาดนั้น ไม่ได้เป็นเพราะคนจีนติดนิสัยหยุดเพลินหรือหยุดแถมท้ายแบบบ้านเรา แต่ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาไม่สามารถหาตั๋วโดยสารได้จริงๆ เลยต้องทยอยกันออก และทยอยกันกลับมาทำงาน แม้ทางการจีนจะยืนยันว่าได้เตรียมรถโดยสารไว้ถึง 820,000คัน จัดเรือเพิ่มอีก 20,000ลำ และเพิ่มขบวนรถไฟให้สามารถวิ่งบริการตลอด 24 ชั่วโมงในเส้นทางสำคัญสายหลัก แต่ก็ไม่อาจรองรับจำนวนผู้โดยสารให้เดินทางได้ครบถ้วนในเวลาหัวท้ายของช่วงเทศกาล
ตัวเลขข้างต้น เป็นแต่เพียงภาพสะท้อนในเชิงปริมาณ ทว่ายังมีปัญหาปลีกย่อยโกลาหลอื่นๆเกิดขึ้นควบคู่กันไป บางเรื่องก็ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เช่นการปล้นชิงวิงราวตั๋วโดยสาร จนทางการจีนต้องนำระบบการจำหน่ายตั๋วระบุชื่อผู้โดยสารเข้ามาใช้กับการโดยสารรถไฟในสถานีหลัก 37 แห่ง เสียเงินงบประมาณปรับเปลี่ยนระบบจำหน่ายตั๋วไปกว่า 100 ล้านหยวน กระนั้นก็ตาม ยังมีผู้โดยสารบางรายใช้วิธีสวมรอย สำนักข่าว ไชน่าเดลี เมื่อต้นสัปดาห์รายงานว่า ตำรวจรถไฟสถานีกวางเจา ในมณฑลกวางตง ได้จับตัวชายสองคนที่ต้องหาว่าใช้ตั๋วโดยสารในชื่อของบุคคลอื่น ส่วนรายละเอียดว่าทั้งคู่ไปทุบตีแย่งชิงตั๋วรถไฟมาจากใคร ในรายงานข่าวไม่ได้บอกไว้ นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวจากตำรวจรถไฟในเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง ว่ากำลังจับตาดูพฤติการณ์ผู้ซื้อตั๋วโดยสารบางราย ที่จองซื้อตั๋วจำนวนมากในบางเที่ยวของขบวนรถไฟสายหลัก ทั้งนี้ด้วยเกรงกันว่าอาจนำไปจำหน่ายต่อในราคาสูงภายหลัง โดยใช้วิธีการขูดปลอมชื่อผู้โดยสาร ในส่วนของตั๋วรถโดยสารระหว่างเมืองซึ่งยังไม่ได้ใช้มาตรการพิมพ์ชื่อผู้โดยสาร ปัญหาก็ดูจะมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นบริการขนส่งที่ประชาชนใช้มากที่สุด ในบางเมืองใหญ่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีบริษัทจองตั๋วเถื่อนไม่ได้รับอนุญาต ใช้วิธีพิมพ์ตั๋วรถโดยสารปลอมหลอกขายประชาชนในราคาสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ไม่สามารถลางานไปเข้าคิวจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ แต่ในท่ามกลางความโกลาหลทั้งหมดนี้ ก็ยังมีข่าวดีโผล่มาเป็นกำลังใจเล็กๆ โดยรัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะเร่งพัฒนาระบบการเดินรถไฟความเร็วสูงระยะทางกว่า26,000กิโลเมตร ให้ทันใช้ก่อนตรุษจีนปี 2012 เพื่อให้การเดินทางโดยรถไฟเป็นทางเลือกหลักของประชาชน เพราะรัฐบาลเองก็คงเบื่อหน่ายกับการเดินทางโดยรถบัสโดยสารขนาดใหญ่ที่มักเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล กลายเป็นข่าวพาดหัวอยู่ทุกปี หากระบบรถไฟความเร็วสูงสร้างเสร็จ นอกจากจะเพิ่มจำนวนเที่ยวรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาเดินทางได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ขบวนรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-ฮ่องกง จะใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง จากเดิม24ชั่วโมง ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เหลือเพียง 2 ชั่วโมง เล่ามาถึงตอนนี้ ก็อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ รถไฟรางคู่ของเรา ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น