โดย รศ. พรชัย ตระกูลวรานนท์
สาขามานุษยวิทยา
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บทความที่ผมเขียนอยู่นี้จะให้ความสำคัญนำเสนอข่าวเหตุการณ์ในประเทศจีนที่เกิดขึ้นแต่ละสัปดาห์นำมาเรียบเรียงรายงานท่านผู้อ่านให้ได้รับทราบกันในแบบสบายๆ ยังไม่เคยนำเรื่องราวของกิจการที่จีนไปดำเนินการนอกประเทศมานำเสนอ แต่วันนี้ผมจะขออนุญาตท่านผู้อ่านชวนกันออกนอกประเทศจีนสักครั้ง เหตุก็เพราะในช่วงระยะสองเดือนมานี้ หากดูจากข่าวสารตามหน้าหนังสือพิมพ์ของจีน ไม่จะเป็นรายงานข่าวทั่วไปหรือสกู๊ปข่าวพิเศษ ทั้งในหน้าข่าวต่างประเทศและข่าวเศรษฐกิจ เกือบจะทุกวันหรือวันเว้นวันเป็นอย่างน้อย ต้องมีข่าวเกี่ยวกับประเทศกัมพูชาปรากฏอยู่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพิ่งจะมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าที่จีนไปลงทุนไว้ ผมก็เลยเกิดอาการคัน ขอชวนท่านผู้อ่านมาติดตามทุนจีนที่กำลังไหลบ่าเข้าสู่ประเทศกัมพูชาอย่างคึกคักในช่วงนี้
ที่ว่าเป็นข่าวการลงทุนใหญ่ก็เพราะเป็นโครงการลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์ขนถ่ายสินค้าขนาด 120,000 TEUs (ขนาด 20 ฟุต) ต่อปี จะใช่เป็นท่าเรือใหญ่ที่สุดในกัมพูชาหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะเท่าที่ทราบเวลานี้ท่าเทียบเรือสินค้าริมน้ำโขงนอกพนมเปญก็มีความสามารถขนถ่ายได้เพียง 80,000 TEUs ต่อปีเท่านั้น พิธีลงเสาเอกเริ่มโครงการก่อสร้างนี้จัดว่าเป็นข่าวใหญ่ทั้งในประเทศกัมพูชาและในประเทศจีน นอกจากนายกฯฮุนเซนและทูตจีนประจำประเทศกัมพูชาจะเป็นประธานร่วมในการเปิดการก่อสร้างแล้ว ดูเหมือนฝ่ายกัมพูชาจะออกการ์ดเชิญผู้คนในวงการทูตประจำกรุงพนมเปญและนักธุรกิจต่างชาติ มาเกือบหมดเมืองกว่าสองพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดานักธุรกิจจีนในประเทศกัมพูชา บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างท่าเทียบเรือนี้ก็เป็นบริษัทจีนจากนครเซี้ยงไฮ้ โดยรัฐบาลจีนให้เงินกู้ดอกเบี้ยถูกแก่กัมพูชาในโครงการนี้คิดเป็นเงินกว่า 28 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายงานข่าวบอกไว้ว่าท่านนายกฯ ฮุนเซนปลื้มงานนี้มากเป็นพิเศษ กล่าวสุนทรพจน์ขอบคุณฝ่ายจีนยกยอเชิญชวนให้จีนเพิ่มการลงทุนในประเทศกัมพูชาในด้านอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังยืนยันว่าการก่อสร้างท่าเทียบเรือนี้จะช่วยขยายการค้าระหว่างจีนและกัมพูชาให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีน โดยตั้งเป้าที่จะส่งข้าวให้ประเทศจีนทะลุหนึ่งล้านตันภายในปีนี้ ฝ่ายท่านฑูตจีนประจำกัมพูชาก็รับปากว่าจีนยินดีที่จะเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้กับกัมพูชาอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีโครงการลงทุนใหญ่ในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำภายในประเทศของกัมพูชา โครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนความต้องการที่กำลังขยายตัวในประเทศกัมพูชา อีกทั้งยังมีความประสงค์จะขยายการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรของกัมพูชาเพื่อการส่งออกไปยังตลาดจีน เรียกว่าหวานชื่นกันทั้งสองฝ่ายตลอดงาน
หากดูจากพัฒนาการและการขยายตัวของการค้าการลงทุนที่นักธุรกิจชาวจีนชักแถวกันเข้าไปทำในประเทศกัมพูชา เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายพูดไว้ข้างต้นก็ไม่ใช่การพูดเล่นๆหรือพูดเอาใจกันแบบภาษาทางการทูต เพราะตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างจริงจังในช่วงสาม-สี่ปีที่ผ่านมานี้ ตัวเลขในสองปีหลัง จาก 791 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2009 มาเป็น 1,120 เหรียญสหรัฐใน ปี 2010 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41.5 โดยเฉพาะในด้านสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหารของกัมพูชา เวลานี้นักลงทุนจากจีนเข้าไปลงทุนติดอันดับต้นๆ ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพานิชของจีนก็เพิ่งเดินทางมาเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการอยู่หลายวันเพื่อร่วมประชุมการเจรจาความร่วมมือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจีน-กัมพูชา ครั้งที่ 2 เรื่องสำคัญๆ ที่มีการเจรจาจนเป็นมรรคเป็นผลจนถึงขั้นลงนามความร่วมมือกันสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ที่ต้องติดตามดูเป็นพิเศษมีข้อตกลงร่วมมือที่ลงนามไปแล้ว 6 ฉบับคือ โครงการเงินกู้ระยะยาวของกระทรวงเศรษฐกิจการคลังกัมพูชา โครงการให้ความร่วมมือพัฒนาระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศแบบให้เปล่าแก่รัฐสภากัมพูชา โครงการให้ความช่วยเหลือและจัดหาผู้เชี่ยวชาญชาวจีนทำการศึกษาและสำรวจการจัดตั้งอาคารปฏิบัติการและวิจัยทางการเกษตร โครงเงินกู้พัฒนาระบบสายส่งกำลังไฟฟ้าแรงสูง โครงการเงินกู้พัฒนาและขยายทางหลวงหมายเลข 6A ของกัมพูชา และสุดท้ายการลงนามในสัญญาก่อสร้างทางหลวงโดยบริษัทจีนในประเทศกัมพูชา
นอกจากที่กล่าวถึงข้างต้น จีนกับกัมพูชายังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขยายการลงทุนอื่นๆของจีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชานกรุงพนมเปญและการพัฒนาเมืองสีหนุวิลล์ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานและการตัดหรือขยายถนนหลวงเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้อีกมากมายหลายสิบโครงการ รวมไปจนถึงเมืองกำปงจามด้วย ที่จริงก็เป็นอะไรที่สอดคล้องกับข่าวซึ่งมีมาก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนธันวาคมปลายปีที่แล้ว ตอนที่ท่านนายยกฯ ฮุนเซนไปเยือนจีนในวงการฑูตที่ปักกิ่งมีเสียงแอบลือกันในเวลานั้นว่าได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการร่วมมือกันอย่างลึกซึ้งยิ่ง ทั้งยุทธศาสตร์ทางทหารและยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเป็นแพ็คเกจใหญ่แลกกับความช่วยเหลือของฝ่ายจีน
ผมนำเอาเรื่องจีน-เขมรมาเล่าสู่กันฟังว่าเขากอดกันกลม พากันลงทุนพัฒนาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-กัมพูชาในอนาคตเป็นเรื่องไม่ธรรมดาต้องจับตาดูเป็นพิเศษโดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาในทะเลน่านน้ำเขตเศรษฐกิจของกัมพูชา ในขณะที่พวกเราบางคนบางกลุ่มอาจกำลังหงุดหงิดอย่างจะยกกองทัพลุยไปยึดดินแดนตรงนั้นตรงนี้คืนจากกัมพูชา ก็อยากให้มองอนาคตให้กว้างๆ ไกลๆ กันหน่อยก็จะดีครับ เวลาคับขันขึ้นมามิตรแท้จะมีก็เฉพาะเวลาที่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมันไปด้วยกันได้เท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น